บันทึกอนุทิน ครั้งที่3
วัน อังคาร ที่ 27 มกราคม 2558
- ชื่อเปรียบเสมือนตราประทับตัวเด็กตลอดไป
- เด็กจะกลายเป็นเช่นนั้นจริงๆ ซึ่งคนเป็นครูไม่ควรเชื่อ เช่น เเม้ว่าผู้ปกครองจะบอกว่าเด็กปัญญาอ่อน เรียนไม่เข้าใจ ให้ครูสนใจเวลาสอนเด็กเพราะบางทีเด็กอาจไม่ได้เป็นอย่างที่ผู้ปกครองเข้าใจ จะได้พัฒนาเด็กให้เป็นไปตามพัฒนาการได้อย่างถูกต้อง
ความรู้ที่ได้รับ
วันนี้เรียนเรื่อง บทบาทครูปฐมวัยในห้องเรียนรวม ได้ทราบพฤติกรรมของครูที่ควรปฏิบัติต่อเด็กและไม่ควรปฏิบัติต่อเด็ก มีกิจกรรมที่ทำวาดภาพดอกทานตะวัน เนื้อหาดังนี้
กิจกรรมวันนี้ วาดภาพดอกทานตะวันตามแบบที่ให้และบรรยายถึงสิ่งที่เห็นในภาพ
ผลงานของฉัน
วันนี้ร้องเพลง ฝึกกายบริหาร
ฝึกกายบริหารทุกวันร่างกายแข็งแรง
ฝึกกายบริหารทุกวันร่างกายแข็งแรง
รูปทรงสมส่วนแคล่วคล่องว่องไว
รูปทรงสมส่วนแคล่วคล่องว่องไว
ผู้แต่ง อ. ศรีนวล
รัตนสุวรรณ
เรียบเรียง อ.ตฤณ แจ่มถิน
- ครูไม่ควรวินิจฉัย
- การวินัจฉัย คือ การตัดสินใจโดยดูจากอาการบางอย่าง
- จากอาการที่แสดงออกมานั้นอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดได้
- ครูไม่ควรตั้งชื่อให้เด็ก
- ชื่อเปรียบเสมือนตราประทับตัวเด็กตลอดไป
- เด็กจะกลายเป็นเช่นนั้นจริงๆ ซึ่งคนเป็นครูไม่ควรเชื่อ เช่น เเม้ว่าผู้ปกครองจะบอกว่าเด็กปัญญาอ่อน เรียนไม่เข้าใจ ให้ครูสนใจเวลาสอนเด็กเพราะบางทีเด็กอาจไม่ได้เป็นอย่างที่ผู้ปกครองเข้าใจ จะได้พัฒนาเด็กให้เป็นไปตามพัฒนาการได้อย่างถูกต้อง
- ครูไม่ควรบอกพ่อเเม่ว่าเด็กมีบางอย่างผิดปกติ
- ครูไม่ควรย้ำในสิ่งที่เขารู้อยู่เเล้ว ไม่ควรแนะนำให้ไปหาหมอ
- ครูควรพูดในสิ่งที่ให้ความหวังในด้านบวกและพูดให้ผู้ปกครองเห็นแนวทางที่จะช่วยให้เด็กพัฒนา
- ครูควรรายงานผู้ปกครองว่าเด็กทำอะไรได้ เท่ากับเป็นการบอกว่าเด็กทำอะไรไม่ได้ด้วย เวลาพูดต้องชมก่อนพูดในสิ่งดีๆของเด็กและค่อยแทรกสิ่งไม่ดีไปทีละน้อยด้วย
- ครูจะทำอะไรได้บ้าง
- สังเกตเด็กอย่างมีระบบ
- จดบันทึกพฤติกรรมเด็กเป็นช่วงๆ
- สังเกตอย่างมีระบบ
- ไม่มีใครสังเกตอย่างมีระบบได้ดีกว่าครู เพราะครูมองเห็นเด็๋กเป็นภาพรวมและสังเกตโดยรอบด้าน ยกตัวอย่าง หมอ นักจิตวิทยา จะให้ความสนใจอยู่ที่ด้านเดียวเกี่ยวกับปัญหานั้นๆ
- ครูเห็นเด็กด้วยระยะเวลาที่ยาวนานกว่าอยู่กับเด็กตลอดเวลาทำให้เห็นถึงพฤติกรรมต่างๆที่เด็กแสดงออกแต่สถานการณ์
- การใช้แบบสังเกต
- จะใช้กับเด็กบางคนเท่านั้น
- จะสังเกตวันเดียวเลยไม่ได้ต้องใช้ระยะเวลา1เพื่อมองให้เป็นภาพรวมก่อน
- การตรวจสอบ
- ทำให้ทราบว่าเด็กมีพฤติกรรมอย่างไร
- เป็นเเนวทางสำคัญให้ครูและพ่อแม่เด็กเข้าใจเด็กได้มากขึ้น
- บอกได้ว่าเรื่องใดบ้างที่เด็กต้องการความช่วยเหลือ
- ข้อควรระวังในการปฏิบัติ
- ครูต้องไวต่อความรู้สึกและตัดสินใจล่วงหน้าได้
- ประเมินน้ำหนักความสำคัญของเรื่อง โดยการแก้ปัญหาต้องเรียงลำดับความสำคัญของปัญหา คนใหนควรได้รับการแก้ไขก่อน เปรียบเทียบพฤติกรรมที่เด็กทำกับพฤติกรรมที่ผู้ใหญ่ทำ อะไรที่มองข้ามได้ก็ปล่อยไปบ้าง และต้องแก้ไขให้ตรงจุด
- พฤติกรรมบางอย่างไม่ได้ปรากฏให้เห็นเสมอไป
- การบันทึกการสังเกต
- การนับอย่างง่ายๆ คือ นับจำนวนครั้งเกิดพฤติกรรม นับระยะเวลากี่ครั้งกี่ชั่วโมงแต่ละวัน ระยะเวลาในการเกิดพฤติกรรม
- บันทึกตามสภาพจริงตามที่เห็นเท่านั้นเป็นการสังเกตที่ให้รายละเอียดได้มาก จะเขียนทุกอย่างที่เด็กทำในช่วงกิจกรรม โดยไม่เข้าไปแนะนำหรือช่วยเหลือ
- การบันทึกไม่ต่อเนื่อง
- บันทึกลงบัตรเล็กๆ เป็นการบันทึกสั้นๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนในช่วงเวลาหนึ่ง
ตัวอย่าง "น้องจอยปีนบันไดโค้งได้5ขั้น โดยใช้เท้าซ้ายก้าวออกไปก่อน เเล้วจึงเดินเท้าขวาตามไปจับราวบันไดแน่นทั้งสองมือ"
- การเกิดพฤติกรรมบางอย่างมากเกินไป
- ควรเอาใจใส่ในระดับความมากน้อย ของความบกพร่องมากกว่าชนิดของความบกพร่อง
- พฤติกรรมไม่เหมาะสมที่พบกับเด็กได้ทุกคนไม่จัดว่าผิดปกติ
- การตัดสินใจ
- ต้องตัดสินใจด้วยความระมัดระวัง ดูว่าพฤติกรรมที่เกิดขึ้นไปขัดขวางการเรียนรู้ของเด็กหรือไม่ ถ้าขัดขวางก็แก้ไข ถ้าไม่ขัดก็ปล่อยไป
การนำไปประยุกต์ใช้
- ได้รู้แนวทางการตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาของเด็กว่าควรเลือกแก้ปัญหาที่สำคัญก่อน คนไหนควรได้รับการแก้ไขก่อน-หลัง
- ครูควรตระหนักในการวางตัวต่อเด็กควรทำสิ่งดีๆ มองโลกในแง่ดี ไม่ว่าเด็กในทางลบ
- การช่วยเหลือและให้คำแนะนำกับผู้ปกครองเพื่อหาเเนวทางส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้ดีขึ้น
- ได้เห็นถึงความสำคัญของอาชีพครูที่ไกล้ชิดกับเด็กมากกว่าอาชีพอื่นจึงอยากปลูกฝังให้เด็กเป็นคนดีของสังคม และประเทศชาติ เด็กทุกคนควรได้รับการจัดการเรียนการสอนที่ดี อยู่ในสิ่งเเวดล้อมที่ดีเหมาะสมต่อการเรียนรู้
- ได้รู้จักเพลงที่หลากหลายที่สามารถช่วยในการบำบัดของเด็กพิเศษและเลือกนำไปใช้สอนได้อย่างเหมาะสม
ประเมินตนเอง เข้าห้องเรียนตรงเวลา ช่วยอาจารย์ถือของ ตั้งใจเรียน ตอบคำถามบ้างบางครั้ง จดบันทึกเนื้อหาเพิ่มเติมในเวลาเรียน ตั้งใจวาดภาพให้เหมือนที่สุด แต่งกายเรียบเรียบ
ประเมินเพื่อน ส่วนใหญ่เข้าห้องตรงเวลา มีคุยบ้างบางคน ซึ่งอาจจะเป็นช่วงต้นสัปดาห์จึงทำให้มีเรื่องคุยเยอะ ช่วงที่อาจารย์ให้วาดภาพมีทำของตกบ้าง เช่น กบเหลาดินสอ สี อาจจะเป็นเพราะ วางของเยอะเกินไปบนโต๊ะ ตั้งใจวาดภาพโดยบางคนก็วาดรูประบายสีเสร็จเร็วบางคนก็เสร็จช้าขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน เมื่อใช้สีเสร็จทุกคนก็บอุปกรณ์เข้าที่เดิมอย่างเรียบร้อย
ประเมินอาจารย์ ตั้งใจสอน มีเรื่องต่างๆมาเล่าให้ฟัง มีบทบาทสมมุติให้ดู ทำให้เข้าใจในเนื้อหามากขึ้น ใส่ใจนักศึกษาเวลาเรียนโดยเดินดูเวลาทำงาน ชวนพูดคุย ยิ้มแย้มเสมอ ทำให้บรรยากาศในห้องสนุกไม่น่าเบื่อ