วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

บันทึกอนุทิน ครั้งที่11

บันทึกอนุทิน ครั้งที่11
วัน อังคาร ที่ 21 เมษายน พ.ศ.2558


         วันนี้อาจารย์ได้แจกสีไม้ Colleen คนละ 1  กล่อง 24 สี   และมีกิจกรรมสนุกสนุกๆมาให้เล่นคลายเครียดคือกิจกรรมแบบทดสอบเกมทายใจกระโดดร่ม และกิจกรรมหลังการเรียนคือ ระดมความคิดในการเขียนแผนIEP
แบบทดสอบเกมทายใจกระโดดร่ม



ความรู้ที่ได้รับ 

โปรแกรมการศึกษาเฉพาะบุคคล
(Individualized Education Program)

แผน IEP
  • แผนการศึกษาที่ร่างขึ้น
  • เพื่อให้เด็กพิเศษแต่ละคนได้รับการสอน  และการช่วยเหลือฟื้นฟูให้เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถของเขา
  • จัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็ก
  • ระบุเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดการใช้แผนและวิธีการวัดประเมินผลเด็ก
*จะเขียนแผนนี้ได้ครูต้องเคยเจอกับเด็กๆมาก่อน และแผนจะนำไปใช้ได้จริงกับเด็กครูต้องมีการประชุมกับผู้ปกครองด้วย โดยแผนมีระยะเวลาการใช้ได้ 1 ปีต่อภาคเรียน

การเขียนแผน IEP
  • คัดแยกเด็กพิเศษ
  • ครูต้องรู้ว่าเด็กมีปัญหาอะไร
  • ประเมินพัฒนาการเด็กเป็นระยะ จะได้ทราบว่าให้เริ่มช่วยเหลือเด็กจากจุดไหน ในทักษะใด
  • ต้องรู้ว่า เด็กทำอะไรได้ และ เด็กทำอะไรไม่ได้  แล้วจึงเริ่มเขียนแผนIEP 
IEP ประกอบด้วย
  • เป้าหมายระยะยาวประจำปี / ระยะสั้น เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการออกแบบในการสอนเด็ก 
  • ข้อมูลส่วนตัวของเด็ก
  • ระบุว่าเด็กมีความจำเป็นต้องได้รับบริการพิเศษอะไรบ้าง
  • ระบุความสามารถของเด็กในขณะปัจจุบัน
  • ระบุ วัน เดือน ปี ที่เริ่มทำการสอน และคาดคะเนการสิ้นสุดของแผน
  • วิธีการประเมิน
ประโยชน์ต่อเด็ก
  • ได้เรียนรู้ตามความสามารถของตนเอง
  • ได้มีโอกาสพัฒนาตามศักยภาพของตน
  • ได้รับการศึกษาเเละฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม
  • ถ้าเด็กเข้าเรียนในโรงเรียนจะไม่ถูกจัดเข้าชั้นเรียนเฉยๆ
ประโยชน์ต่อครู
  • เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนที่ตรงกับความสามารถและความต้องการของเด็ก
  • เป็นแนวทางในการเลือกสื่อการสอนและวิธีการสอนให้เหมาะสมกับเด็ก
  • ปรับเปลี่ยนได้เมื่อความต้องการเปลี่ยนแปลงไป
  • เป็นแนวทางในการประเมินผลการเรียนและการเขียนรายงานพัฒนาความก้าวหน้าของเด็ก
  • ตรวจสอบและประเมินได้เป็นระยะ
ประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
  • มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนการเรียนรายบุคคล เพื่อให้เด็กได้พัฒนาความสามารถได้สูงสุดตามศักยภาพ
  • ทราบร่วมกับครูว่าจะฝึกลูกของตนอย่างไร
  • เกิดความร่วมมือในการพัฒนาเด็ก มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างต่อเนื่อง และใกล้ชิดระหว่างบ้านกับโรงเรียน
ขั้นตอนการจัดทำแผนการศึกษารายบุคคล

1. การรวบรวมข้อมูล
  • รายงานทางการแพทย์
  • รายงานการประเมินด้านต่างๆ
  • บันทึกจากผู้ปกครอง ครู และผู้ที่เกี่ยวข้อง 
2. การจัดทำแผน
  • ประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง
  • กำหนดจุดมุ่งหมายระยะยาวและระยะสั้น
  • กำหนดโปรแกรมและกิจกรรม
  • จะต้องได้รับการรับรองแผนการศึกษาเฉพาะบุคคลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
การกำหนดจุดมุ่งหมาย
  1. ระยะยาว
  2. ระยะสั้น
จุดมุ่งหมายระยะยาว 
  • กำหนดให้ชัดเจน แม้จะกว้าง เช่น น้องนุ่นช่วยเหลือตนเองได้   น้องดาวร่วมมือกับผู้ปกครองได้ดีขึ้น  น้องริวเข้ากับเพื่อนคนอื่นๆได้
 จุดมุ่งหมายระยะสั้น
  • ตั้งให้อยู่ภายใต้จุดมุ่งหมายหลัก เช่น การช่วยเหลือตนเองกำหนด (การเข้าห้องน้ำด้วยตนเอง) (กินข้าวด้วยตนเอง)
  • เป็นพฤติกรรมที่เด็กสามารถทำได้ในระยะ 2-3 วัน หรือ 2-3 สัปดาห์
  • จุดมุ่งหมายระยะสั้นต้องมี 4 ข้อนี้ คือ 
  1. จะสอนใคร
  2. พฤติกรรมอะไร
  3. เมื่อไหร่  ที่ไหน  (ที่พฤติกรรมนั้นจะเกิด)
  4. พฤติกรรมนั้นต้องดีขนาดไหน
ตัวอย่าง เช่น

1.
  • ใคร                               อรุณ............................. (บรรยายยาวไปเรื่อยๆ)
  • อะไร                             กระโดดเชือกขาเดียวได้
  • เมื่อไหร่/ที่ไหน            กิจกรรมกลางแจ้ง  
  • ดีขนาดไหน                 กระโดดได้ขาละ 5 ครั้ง ภายใน 30 วินาที 
2. 
  • ใคร                                ธนภรณ์.......................................
  • อะไร                              นั่งเงียบๆโดยไม่พูด
  • เมื่อไหร/ที่ไหน             ระหว่างครูเล่านิทาน
  • ดีขนาดไหน                  ช่วงเวลาการเล่นนิทาน 10-15 นาทีเป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน

การใช้แผน 
  • เมื่อแผนเสร็จสมบูรณ์ ครูจะนำไปใช้โดยจะใช้แผนระยะสั้น
  • นำมาทำเป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
  • แยกย่อยขั้นตอนการสอนให้เหมาะกับเด็ก
  • จัดเตรียมสื่อและจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
  • ต้องมีการสังเกตเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเด็กและความสามารถโดยคำนึงถึง
  1. ขั้นตอนพัฒนาการของเด็ก
  2. ตัวชี้วัดพื้นฐานที่เกี่ยวกับปัญหาของพัฒนาการเด็ก
  3. อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมของเด็กและผู้ใหญ่ที่มีผลต่อการแสดงออกของเด็ก
4.การประเมินผล
  • จะประเมินภาคเรียนละครั้ง หรือย่อยกว่านั้น
  • ต้องกำหนดวิธีการประเมิน และเกณฑ์วัดผล
**การประเมินในแต่ละทักษะหรือแต่ละกิจกรรม  อาจใช้วิธีวัดและกำหนดเกณฑ์แตกต่างกัน



กิจกรรม
     อาจารย์ให้จับกลุ่มกัน 5 คนแล้วเลือกคนใดคนหนึ่งที่จะให้เป็นเด็กพิเศษประเภทใดก็ได้ แล้วร่วมกันระดมความคิดในการเขียนแผนการศึกษาเฉพาะบุคคล



ตัวอย่าง
แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล




ตัวอย่างการเขียนแผนIEP

แผนของกลุ่มเรา



การนำไปประยุกต์ใช้
  1. ได้รู้หลักการ และเข้าใจมากขึ้นในการเขียนแผนการศึกษาเฉพาะบุคคลได้ถูกต้อง
  2. สามารถเขียนแผนแบบระยะสั้น และระยะยาวได้ เพื่อนำไปใช้กับเด็กได้อย่างเหมาะสม
  3. ทำให้เรารู้จักเด็กมากขึ้น รู้ว่าจะนำแผนไปใช้กับเด็กอย่างไร และจัดการเรียนการสอนได้เหมาะสมกับความสามารถของเด็กได้
  4. ทำให้รู้ว่าการเขียนแผนIEP ต้องมีการรวบรวมความรู้จากที่ใดบ้าง เช่น จากแพทย์ประจำตัวเด็ก จากรายงานประเมินต่างๆของเด็ก จากครู ผู้ปกครอง และเมื่อมีการนำแผนไปใช้ครูต้องประชุมกับผู้ปกครองให้รับทราบด้วย
  5. แผนIEP สามารถบ่งบอกได้ว่าเด็กมีพัฒนาการที่ดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน เพราะได้จัดการเรียนการสอนที่เป็นขั้นตอนตามแผนเราก็จะพัฒนาเด็กได้ตามจุดประสงค์ได้ง่ายยิ่งขึ้น
การประเมิน
การประเมินตนเอง   เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย เตรียมเอกสารในการเรียนมาพร้อม จดบันทึกเนื้อหาต่างๆที่อาจารย์สอนเพิ่มเติม ตั้งใจทำงานกลุ่มและให้ความร่วมมือกับเพื่อนเพื่อเป็นตัวแทนให้เพื่อนใช้เป็นตัวอย่างในการเขียนแผนIEP บรรยากาศในการทำงานกลุ่มสนุกสนานได้ร่วมมือกับเพื่อนๆคนอื่นๆที่ยังไม่เคยทำงานกลุ่มเดียวกันด้วย

ประเมินเพื่อน   เพื่อนๆส่วนใหญ่ก็เข้าเรียนตรงต่อเวลา มีน้อยมากที่เข้าเรียนสายนิดหน่อย ตั้งใจฟังอาจารย์สอนบางคนก็มีจดบันทึกเนื้อหาระหว่างเรียน แต่งกายถูกระเบียบทุกคน ได้แสดงความคิดเห็นและโต้ตอบกับครูระหว่างที่สอน ให้ความร่วมมือในการทำงานกลุ่มอย่างราบรื่นด้วยดี

ประเมินอาจารย์   เข้าสอนตรงเวลา แต่งกายสุภาพ มีวิธีสอนที่เข้าใจง่าย ไม่น่าเบื่อ ยกตัวอย่างเหตุการณ์ต่างๆได้ดีนักศึกษาเข้าใจมากขึ้น ใส่ใจกับการเรียนการสอนเพราะเมื่อไหร่ที่อาจารย์มอบหมายงานให้ทำอาจารย์จะเดินดูและให้คำปรึกษาจนเข้าใจทุกคน มีการวางแผนในการสอนเสมอนัดตารางเรียนชดเชยให้นักศึกษาทราบโดยทั่วกัน 





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น